9/17/2552

เรื่องนี้ชอบมากเลย...อึ้ง แถมน้ำำตาคลอทุกที ทรงพระเจริญๆๆ

บทความ เรื่องเล่าดี ๆ ของพสกนิกรคนใต้คนหนึ่งที่ไปนั่ง รถไฟฟ้าใต้ดิน และบังเอิญไปเจอ พระเทพ หรือ สมเด็จพระเทพ บน รถไฟฟ้าใต้ดิน ณ ตอนแรกที่เจอ พระเทพ หรือ สมเด็จพระเทพ พสกนิกรคนใต้คนนี้กลับไม่รู้เลยว่าเป็นพระองค์ ... อ่าน บทความ เรื่องเล่าดี ๆ ผมเจอ พระเทพ บน รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่นี่ค่ะ

เมื่อไม่ นานมานี้ ผมมีโอกาสขึ้น กทม. ไปทำธุระแถวหัวลำโพง นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไป ในขณะที่ประตูสถานีสุทธิสารเปิด ก็มีหญิงคนหนึ่งสวมแว่น ใสหมวกแก๊ป ท่าทางคล่องแคล่ว เดินเข้ามายืนตรงหน้าผม ผมก็ลุกให้ เพราะติดนิสัยจากเด็กต่างจังหวัด ประกอบกับนั่งใกล้สุด

หญิงคนนั้นนั่งลงแล้วถามว่า "ช่วยถือของให้มั้ยค่ะ"

พอ ดีผมบ้าหอบฟางอยู่ กระเป๋า 2-3 ใบ เลยยื่นกระเป๋ากล้องและเลนซ์ไปให้ … แต่มีชายคนหนึ่งชิงไปถือก่อน ผมก็หันไปมอง เขาก็ยิ้ม ๆ ขำ ๆ ผมก็งง ๆ เข้าใจว่าเป็นน้องชายหรืออะไรประมาณนั้น

พอกลับหน้ากลับมาดูที่ ผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง โอ … เข่าอ่อนเลย เพราะเพ่งมองกี่ครั้งก็ใช่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระองค์กำลังเอานิ้วชี้มาจรดที่ปาก พร้อมทำเสียง "จุ๊ ๆ ทำเฉย ๆ ไว้ อย่ากระโตกกระตาก"

ผมก็เลยเข่าอ่อน หัวใจตกลงไปตาตุ่ม ดีที่พี่ผู้ชาย (เข้าใจว่าทหารรักษาพระองค์) สะกิด กับรั้งตัวไว้ทันก่อนผมจะลงไปกราบ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกับพระองค์ …ผมเข้าใจเอาเองว่า พระองค์ท่านคงอยากมีความส่วนพระองค์ ถ้าผมถ่ายคนหนึ่งอีกทั้งขบวนต้องมาถ่ายด้วยแน่

นับได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ล้นกระหม่อมของผมทีเดียว ที่ได้เฝ้าพระองค์ท่านใกล้ชิดขนาดนี้

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานครับ … ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

9/16/2552

Graphic Design & Designer



ข่าวฝากประชาสัมพันธ์นะ ใกล้จะถึงแล้วนะ...

เอางานมาให้เพื่อนๆได้ดูสนใจก็ติดต่อตามที่อยู่ได้นะ

ผู้จัดงาน Bangkok gift & Premium Fair
เปิดโอกาสให้ นักออกแบบผลิตภัณฑ์ และ นักออกแบบกราฟฟิก
ได้มีบูธแสดงผลงาน เพื่อพบปะกับบริษัทผู้ผลิตของกิ๊ฟช๊อบ และของแจก (premium)
ซึ่ง Designer จะมีโอกาสได้ รับงานจากบริษัทผู้ผลิต หรือ ผู่ที่กำลังมองหา design ใหม่ ๆ
เป็นการเพิ่มโอกาสและ เพิ่ม connection ของ Designer

งานนี้ ฟรี นะ!

ถ้ามี designer แจ้งชื่อสนใจเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง ก็จะเปิด section นี้ให้นะ
รายละเอียดบูธ ยังไม่สรุป อาจจะเป็น บูธ 3*3 เมตร แชร์กัน 2 Designer
โดยผู้จัดจะรอดู จำนวนผู้สนใจและเจ้งรายละเอียดกลับอีกที

ใครที่สนใจ ลองส่งเมล์ แจ้งความจำนงขอร่วมออกบูธ ได้ที่ผู้จัดงาน
woody_patch@yahoo.com

โดยแจ้ง

- ชื่อ
- อาชีพ (เช่น Graphic Design, Product Design, Character Design)
- ตัวอย่างผลงาน
- เบอร์โทร และ อีเมล์ ติดต่อกลับ

ผู้จัดจะพิจารณาจากจำนวนและผลงาน
ถ้าโชคดี จะสามารถไปร่วมงานได้ฟรี

9/15/2552

ไปดูหนัง District เพื่อ???



วันนี้ไปดูหนังเรื่อง District
จะบอกว่าวันนี้เพลียมากหลังจากที่นั่งทำการบ้านมา 2 วันโดยที่ไม่ได้หลับเลย ใจจริงอยากไปนอนหลับอยู่ที่ห้องใจจะขาดแล้ว แต่เสียดายวันนี้เพื่อนมาดูหนังด้วยกันประมาณ 12 คนถือว่าเยอะเหมือนกันนะ แล้วนานทีเดียวหาโอกาสได้ยากที่เพื่อนจะมีเวลามานั่งดูหนังด้วยกันได้ ฉันเลยต้้องไปดูกับเพื่อนเพราะอยากดูกันเยอะๆจะได้มีความทรงจำที่ดี ตอนแรกวางแผนว่าจะดูเรื่อง Gamer ไปไงมาไงไม่รู้เพื่อนไปซื้อตั๋วเรื่อง District มาได้พอเห็นครั้งแรกรู้สึกว่าไม่อยากดูมากเสียดายเงินจังเลย เพราะฉันไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้มากเท่าไหร่นัก แต่ก้อต้องจำใจดู พอเข้าโรงหนังไป ตัวอย่างหนังก้อจบแล้ว ทีนี้ก้อได้ดูแต่เนื้อเรื่อง พอเริ่มเรื่องรู้สึกว่าสัมภาษณ์อะไรไม่รู้มันน่าเบื่อมาก เวลาไม่ถึง10 นาทีฉันเลยเผลอหลับไป ZZZZ Z Z
ตกใจตื่นมากอีกทีด้วยเสียงระเบิด เลยนั่งดูไป มันสนุกมาก ด้วยภาพที่มีการสร้าง และทำได้หนังออกมาได้ดีมากช่วงที่กำลังนั่งปลื้มใจอยู่นั้น ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงได้ หนังจบ ต๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ งงไปเลยทีเดียว พอออกจากโรงหนังเพื่อนคุยกันใหญ่ สนุกอย่างงั้น อย่างงี้ สรุปฉันไม่รู้็เรื่องเลย สงสัยต้องไปดูอีกทีตอนมันออกมาวางแผงเป็น DVD แล้วมั้ง .......ถ้าง่วงแล้วอย่าฝืนนะ ไม่งั้นคุณจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย

9/13/2552

ปล่อยแสง 4


ปล่อยแสง 4
ตอน Supermarket of Ideas

“รับไอเดียสดใหม่เพิ่มมั้ยคะ” ใครว่าไอเดียดีไม่มีขายและวางจำหน่ายจ่ายแจก งานนี้นักปั้นความคิด และนักสร้างธุรกิจจะได้มาร่วมวงต่อรองและซื้อขายความคิดร่วมกันอย่างสร้าง สรรรค์ ใน เทศกาลปล่อยแสง 4 Supermarket of Ideas กิจกรรมเด่นภายใต้โครงการ “Creative Thailand สร้างเศรษฐกิจไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์” ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อัดแน่นด้วยไอเดียพร้อมใช้ เปิดให้บริการแก่พ่อค้าแม่ขายได้ร่วมจับจองพื้นที่เสนอขายทุกความคิดสดใหม่ และเปิดต้อนรับนักช้อปไอเดียทุกสาขาอาชีพให้ได้เลือกสรรวัตถุดิบทางความคิด จากมันสมองคนไทยกันแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อต่อยอดและพัฒนาความคิดสู่เครือข่ายทางธุรกิจที่เข้มแข็งต่อไป



ลานปล่อยแสง
วันที่ 9 – 27 กันยายน 2552 (ปิดวันจันทร์) / 10.30 – 21.00 น.
ห้องแกลลอรี่ 2 ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ



จะได้ไปดูสักที....ได้ข่าวว่าน่าสนใจมากเลย งานนี้ห้ามพลาด!!!
ใครที่ยังไม่ได้ไปดู รีบๆหน่อยนะใกล้จะหมดเวลาแสดงงานแล้วนะ

9/11/2552

ฝันโครต โคตร!!



ไปดูหนังแล้วไปเจอตัวอย่างหนังเรื่อง "ฝันโคตร โคตร "

ทำไมฉันมีความรู้สึกว่ามันเหมือน "โคตรรักเอ็งเลย"

อาจจะเป็นเพราะว่าผู้กำกับเดียวกันแล้ว เพลงทำนองออกมาเดียวกัน

แต่ฉันก้อแอบมีความรู้สึกว่าอยากดูเรื่อง "ฝันโคตร โคตร " เหมือนกันนะ แอบจะซึ้งๆ

แถมประโยคเด็ด ที่ชอบมาก

"นาฬิกา กับ เวลา น่ะ มันไม่เหมือนกันนะ นาฬิกาเมื่อเราให้ใครไปแล้ว เราสามารถเอากลับคืนมาได้ แต่เวลา เมื่อใดก็ตามที่เราได้ให้กับใครไปแล้ว เราจะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีก"

กำลังหาคนไปดูด้วย.....ฮ่าๆๆๆ

9/09/2552

เรื่องเล่าจากในวัง ...อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ

เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ เลยเก็บเรื่องดีๆมาให้อ่านที่เกี่ยวกับพ่อหลวงของเราอ่านแล้วขำจนน้ำตาไหลแต่ล่ะเรื่องสนุกดีนะลองอ่านกันดู

เรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า ‘ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ’
แม่ค้าตอบว่า ‘ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ’
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
—————————————
เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
นางสนองพระโอฐก็ งง…งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ………… ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
————————————
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
‘ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..’
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว’
เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
————————————-
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า ‘ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์’
————————————–
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
ว่า ‘ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ’
เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
‘เออ ดี เราชื่อเดียวกัน…’
ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
———————————–
มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย
ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า ‘ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า’
ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
‘เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก’
————————————
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
‘ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์’
ในหลวงทรงตรัสว่า ‘ขอเดชะ พระหมดแล้ว ‘
————————————
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
‘ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง’
แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
‘เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก’
——————-
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
ก็กราบบังคมทูลว่า ‘เอ้อ – ทรง… อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ’
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า ‘ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง’
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
——————————

สำหรับ ม.จุฬาลงกรณ์

มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
‘เมื่อกี้นี้ (ชื่อ….) เค้ารับไปแล้ว’

และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ…
ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน



อ่านแล้ว รู้สึกว่าไม่เบื่อจริงๆ.......

9/05/2552

อารมเสีย ศูนย์ DTAC และธนาคารกรุงไทย

วันนี้ไปฟิวเจอร์ด้วยความจำเป็น ในเมื่อโทสับหาย ฉันก้อเลยต้องไปขอซิมใหม่ แต่ใช้เบอเดิม และต้องไปเสียค่าโทรสับรายเดือนด้วย เดินไปที่ศูนย์ของ DTAC หลังจากนั่งรอได้ไม่ถึง 5 นาที ฉันเลยอยากขอเปลี่ยนมาใช้แบบเติมเงินเพราะรู้สึกว่าใช้ไม่คุ้มเลยแถมต้องเสียรายเดือนต่อเดือนเป็นพันๆ เสร็จแล้วก็โดนพนักงานเกลี่ยกล่อมนานมากเพราะว่าเค้าไม่อยากให้เราเปลี่ยน เสร็จแล้วพอคิดเงินค่าโทรศัพย์ออกมาจะบ้าหรอจาก หนึ่งพันคิดเงินเราเพิ่มอีก 300 ร้อย ค่าอะไรฉันเลยถามไป สรุปตั้งแต่วันที่โทรสับหายมาจนถึงวันนี้ประมาณ 2อาทิตย์ได้ที่เราโทรไปยกเลิกแล้วเค้าคิดค่าบริการของฉัน โดนที่ฉันไม่ได้โทรและได้ไปขอยกเลิกแล้ว ทำไมกลายเป็นแบบนั้นได้ ฉันเลยแอบไม่พอใจ แต่ก้อไม่ได้แย้งไรมาก เลยให้เงินไปซะ พอเสร็จเดินมากดเงินที่ตู้ของธนาคารกรุงไทย กดได้2รอบ มันฟ้องขึ้นว่ารหัสฉันผิด จะบ้าหรอ!! กดมาเป็นสี่ปีล่ะ มาผิดไรตอนนี้ เลยเดินไปหาตู้ใหม่แต่ผลกลับออกมาเหมือนเดิม เลยอารมเสีย แล้วเดินไปถามพนักงานที่ธนาคารกรุงไทย ฉันบอกเค้าไปว่าเกิดขึ้นยังไง รู้ป่ะ เค้าบอกกลับมาว่า อ่อมีลูกค้าหลายคนมีปัญหาเหมือนกันเลยค่ะ ตอนสิ้นเดือนไปกดตู้ธนาคารอื่น แล้วมันทำให้ระบบข้อมูลบกพร่อง เลยอาจทำให้ข้อมูลในบัตรหายไปได้ อึ้ง!!!!!!!!!!!! จะบ้าหรอ ..มาพูดงี้ได้ไงอ่ะ กดตู้อื่นผิดด้วยทั้งๆที่ฉันต้องโดนหักเท่ากับธนคารอื่นอยู่แล้วเพราะมันเป็นบัตรต่างจังหวัด แล้วที่สำคัญทำไมทางธนาคารมีการรองรับข้อมูลและบริการต่างๆที่แย่ขนาดนี้อ่า มันเป็นความบกพร่องของธนาคารเอง แล้วจะให้ลูกค้ารับผิดชอบรึไง....พูดมาได้ แถมไม่รู้จักแก้ไขด้วย
ให้ตายเหอะ...ขอบอกว่าอารมเสียมากเลย รู้สึกว่าธนาคารกรุงไทยไม่ให้ความเชื่อมั่นที่ดีกับลูกค้าเลย อยากไปยกเลิกและปิดบัญชีทันที..........สรุปฉันวันนี้ฉันต้องเสียเงินฟรี แถมยังไม่มีเงินใช้เพราะกดเงินไม่ได้อีก เฮ้ออออออออออออ......................................................

9/04/2552

เรื่องเล่าของคำว่า…. “เพื่อน”

มีคน 2 คนเป็นเพื่อนซี้กัน..ต่างร่วมเดินทางไปในทะเลทรายด้วยกัน…
ระหว่างทาง…เกิดโต้เถียงขัดแย้งไม่เข้าใจกัน เพื่อนคนหนึ่ง…พลั้งลงมือ…ตบหน้าอีกฝ่ายคนถูกทำร้าย…เจ็บปวด…แต่ไม่เอ่ยวาจา … กลับเขียนลงบนผืน ทรายว่า “วันนี้…ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า”
พวกเขายังคงเดินทางต่อ…กระทั่งถึงแหล่งน้ำพวกเขาตัดสินใจอาบน้ำ…ชำระกาย… พลันคนที่ถูกตบหน้ากลับจมน้ำ…เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอ…เ ข้าช่วยชีวิต คนรอดตาย…ยังคงไม่เอ่ยวาจา…กลับสลักลง ไปบนหินใหญ่… ‘วันนี้…เพื่อนรักช่วยชีวิตฉัน ไว้’
อีกคนไม่เข้าใจ…ถาม ว่า… ‘เมื่อถูกฉันตบหน้า…เธอเขียนลงทราย…แล้วทำไมเมื่อครู่…ต้องสลักบนหิน’อีกคนยิ้มพราย…กล่าว ตอบ ‘ เมื่อถูกเพื่อนรักทำร้าย…เราควรเขียนมันไว้บนทราย
ซึ่งสายลมแห่งการให้อภัย…จะทำหน้าที่พัดผ่าน…ลบ ล้างไม่ เหลือแต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมาย… บังเกิดเราควรสลักไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ… ซึ่งจะไม่มีสายลมแรงเพียงใด…ลบล้างทำลาย….’

บางทีสิ่งเพื่อนทำลงไป เค้าอาจจะไม่ได้ตั้งใจ พยายามคิดถึงด้านดีๆไว้นะ

9/01/2552

การกระืทำำ สำคัญกว่าคำพูด

บางครั้งคนเราก็ยึดติดกับคำพูด
จนเคยชินเป็นนิสัย
คำสัญญา คำรับปาก คำพูดเพื่อให้แน่ใจ
หากไม่ยินคำพูดเหล่านี้ แล้วจะไม่มั่นใจ
ในตัวคนๆนั้นงั้นเหรอ
คนบางคนก็เลือกที่จะใช้การกระทำ
แทนคำพูดพวกนั้น
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว อะไรที่สงสัยมานาน
มันเป็นเพียงความเคยชินของฉันกับคำพูด
ที่อยากได้ยิน แต่ว่า
การกระทำน่ะ สำคัญกว่าคำพูดจริงๆนะ

8/30/2552

เรื่องดีๆ ที่ยังเหลือในสังคมไทย


ฉันไม่เคยคิดฝันเลยว่าในปัจจุบันนี้คนไทยจะมีเรื่องราวดีๆให้คนอื่นเขาชื่นชมกันได้อีก
ภาพที่ฉันนำมาให้ดูพอฉันเห็นแล้วรู้สึกว่าชอบมาก และเห็นถึงความมีน้ำใจที่คนไทยควรจะมีติดตัวอย่างนี้ตลอดไป อยากให้เมืองไทยช่วยเหลือและรักกันอย่างนี้ เพราะมันจะทำให้เมืองไทยเป็นเมืองที่มีเสน่่ห์และเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจดจำ....ตลอดไป

8/25/2552

มือถือ..ที่รักกลับมาเหอะ

โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พระเจ้าจอร์ช มือถือฉันหาย

เมื่อคืนไปเที่ยวผับ SITNEE แถวม.รังสิต ที่สำคัญเป็นงานวันเกิดช้างด้วย พอกินเหล้าไปๆมาๆ เต้นไปทั่วแถมยังโดนเพื่อนอุ้ม พอเหนื่อยเลยพัก นั่งชักโครกกะว่าจะหยิบโทรสับขึ้นมาดูเวลาสักหน่อยว่ากี่โมงแล้ว คลำไปคลำมา ช่วยด้วย!!! โทรสับหายไปไหน แล้วหายไปเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย รู้อีกทีมันไม่อยู่แล้ว ฉันเลยรีบลุกขึ้น ไม่ฉงไม่ฉี่มันแล้ว รีบเดินออกห้องน้ำทันที ...
เพื่อนๆๆมีใครเห็นโทรสับฉันบ้าง เสียงตอบรับแทบไม่มีเพราะทุกคนกำลังอยู่ในอารมมันส์ ฉันก้อลองกุ้มหาดูรอบๆ แต่ไรวี่แวว สักพักอาการเพื่อนทุกคนก้อสงบนิ่ง หันมาช่วยกันหามือถือฉัน เสียงหนึ่งดังขึ้น ตั๊กมือถือเราก้อหาย..อุ้ย พูดขึ้น เพื่อนหากันใหญ่ แต่ก้อไม่เจอ พอถามโต๊ะข้างๆก้อบอกว่าไม่เห็น ฉันหยิบโทสับเพื่อนออกมาโทรเข้าเบอตัวเอง ตอนแรกไม่มคนรับ สักพักปิดเครื่องไปเลย แทบอยากร้องไห้ เมื่อรู้ว่าคงหมดหวังเพราะรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะได้คืนมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เก็บไว้ เรารู้เลยว่าพอมือถือหายความรู้สึกมันแย่แค่ไหน.. แต่ก่อนมือถือคนอื่นหาย เราก้อบอกว่าไม่เปนไร ซื้อใหม่ได้ แต่พอของเราหาย น้ำตาแทบร่วง มันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่โทรสับแต่มันรู้สึกว่ามีมากกว่านั้น รูป ข้อความที่อยากเก็บไว้ เพลง ต่างๆนาๆที่สำคัญที่สุดคือ รายชื่อเบอเพื่อนๆ โห้..เก็บมาตั้งนานเบอคนสำคัญก็เยอะ เพื่อนเก่าทีไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม หายไปหมดเลย....อยากร้องไห้มากมาย พยายามอธิฐานขอให้คืนมาเถอะ...แต่ก้อไม่มีทาง เศร้าใจ แต่อย่างน้อยก้อยังมีเพื่อนที่มือถือหายด้วย ขอบคุณนะอุ้ยที่หายเป็นเพื่อน ฮ่าๆๆๆๆ

8/21/2552

แค่ฝุ่นเอง ทำได้ไงอ่ะ










ถ้าฉันทำได้อย่างนี้นะ ชีวิตนี้ไม่ทำมาหากินไรล่ะ
รับจ้างวาดฝุ่นไปวันๆๆ เมืองไทยประหยัดค่าล้างรถไปอีกเยอะเลยเนอะ....

8/20/2552

Open House BU !!




วันนี้รู้สึกสนุกและมีความสุขไม่น้อยเลย นานๆทีจะได้มีกิจกรรมทำให้มหาลัยสักทีอยู่มาปี 4ล่ะเพิ่งจะทำตัวให้มีประโยชน์กันก้อคราวนี้แหละน๊าาาาา

วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาแต่เช้า ยังไม่อยากตื่นแต่ต้องมีหน้าที่ต้องทำ คือการเป็นวิทยากรของคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในงาน Open House จัดขึ้นเพื่อนแนะนำมหาวิทยาลัยให้เด็กมัธยม 6 ที่จบจากโรงเรียนแล้วกำลังมองหามหาวิทยาลัยตามที่ต้องการ โอ้โ้ห้!!! เวลา 3 นี้ภายในมหาลัยที่ไม่เคยได้เจอะเจอมาก่อตั้งแต่เรียนมาจะพูดตามตรงก้ออาจจะบอกได้ว่า...แอบเหมือนผักชีโรยหน้า ของหรืองานต่างๆถูกนำมาเสนอตามสถานที่ต่างๆเพื่อให้เป็นจุดสนใจ เฮ้ออออ อะไรในศิลปกรรมที่ยังไม่เคยรู้ก้อยังมารู้วันนี้เลยเพราะยังไงก้อต้องศึกษาก่อนที่จะเป็นวิทยากรให้แก่น้องๆมัธยม
พอ9โมง เด็กจากโรงเรียนต่างๆก้อได้เข้ามาที่คณะเพื่อจะศึกษาดูว่าที่คณะศิลปกรรมที่นี้มีอะไรน่าดูและน่าสนใจมั้ง ฉันก้อพาไปดูห้องต่างๆภายในตึกและบรรยายว่าแต่ละห้องมีการเรียนการสอนแบบไหนบ้าง เหนื่อยมาก แต่วันนี้แอบโดน เด็กๆไม่สนใจคณะเท่าไหร่แต่หันมากแซวและสนใจทรงผมแห้วของฉันแทน บางทีก้อขำตัวเองอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนตัวประหลาด แต่ก้อไม่ได้ไรมาก เพราะไม่รู้จะอายไงแล้ว ฮ่าๆๆ สรุปยอดที่มีน้องๆมัธยมสนใจเรียนคณะนี้ก้อมีสถิติที่สูงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

รู้สึกว่าการจัดงานนี้ขึ้นมา มันดีอยู่มากเลยทีเดียว ทำให้น้องๆจากที่อื่นได้เรียนรู้ความเป็นไปของมหาลัยว่ามีการเรียนการสอนยังไง และทำให้มหาลัยน่าอยู่ขึ้นทีเดียว

8/13/2552

ชีวิตกับศิลปะ



การใช้ชีวิตของคนๆ นึงก็เหมือนฟิล์ม 1 ฟิล์มที่รันไปเรื่อยๆ
แต่อยู่ที่เราจะ Record ตรงไหน จะประทับใจตรงไหน


ฉันเชื่อว่า



การทำศิลปะ มันจะช่วยบรรเทา กระตุ้นให้ความคิดหรือจินตนาการของคน มีอะไรมากกว่าการใช้ชีวิต

8/12/2552

แม่จ๋า

เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้

เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า ‘ไม่ไป… ไม่ไป… ไม่ไป…”
เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก
เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม

เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า ‘แม่นี่…ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องกะหนู(ผม)หรอก’
เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ
เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง
เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไปเที่ยว
เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชา คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณแม่ด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น

เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า ‘แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย’
เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุ ณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ‘หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่’
เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ
เมื่อคุณอายุ 23 ปี แม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า ‘มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร’
เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า ‘แม่จะมายุ่งอะไรกะหนูอีกเนี่ย’
เมื่อคุณอายุ 25 ปี (สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า’อายคนอื่นเขาน่า แม่’
(สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า’หนูอยากไปอยู่ต่างประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดน ไม่มีแม่’

เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า ‘สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่’

เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า ‘ตอนนี้ไม่ว่างเลย’

เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า ‘มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ’
และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่’แม่’
ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ’แม่ ‘ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ
ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม
รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น

อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณ ที่สุด รัก’แม่’ให้มากกว่ารักตัวเอง แสดงให้แม่รู้ว่าคุณก็’รัก’ก่อนที่จะทำได้เพียงบอกรักกับ’รูป’ของแม่เท่า นั้น


หนูรักแม่ทีสุดในโลกค่ะ

8/10/2552

เรื่องนี้สนุกอ่ะ มีข้อคิดด้วย

ชายแก่คนหนึ่งอาศัยอยู่ในรัฐไอดาโฮ เขาต้องการพรวนดินไร่มันฝรั่งของเขา
แต่มันก็เป็นงานหนักเอาการทีเดียว ซ้ำร้ายไปกว่านั้น
ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยช่วยงานเขาก็ต้องโทษจำคุก
ชายชราเขียนจดหมายถึงลูกชายของเขาเพื่อระบายถึงความยากลำบากที่เขาประสบอยู่

==============================

ลูกรัก,

พ่อรู้สึกไม่ค่อยดีเลยลูกเอ๋ย
ดูเหมือนว่าปีนี้พ่อคงจะทำไร่มันฝรั่งไม่ได้เสียแล้ว
พ่อแก่เกินกว่าที่จะพรวนดินที่แปลงมันฝรั่งไหว ถ้าตอนนี้เจ้าอยู่กับพ่อ
ปัญหาเช่นนี้คงจะหมดไป เจ้าคงจะช่วยพ่อพรวนดินจนเสร็จแล้ว

รักเจ้า .. พ่อของลูก

==============================

สองสามวันต่อมา เขาได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากลูกชาย

พ่อครับ,

ได้โประเถอะครับพ่อ อย่าขุดดินในไร่ นั่นเป็นที่ที่ผมฝังศพพวกนั้นไว้

รักครับ..ลูกพ่อ

==============================

ตีสี่ของเช้าวันต่อมา เจ้าหน้าที่เอฟบีไอและตำรวจท้องที่ปรากฏตัวขึ้น
แล้วขุดๆๆๆๆ บริเวณไร่มันฝรั่งของชายแก่โดยไม่พบซากศพแต่อย่างใด

พวกเขาขอโทษขอโพยชายแก่แล้วจากไป วันเดียวกันนั้นเอง
ชายแก่ได้รับจดหมายอีกฉบับหนึ่งจากลูกชายของเขา

==============================

พ่อครับ,

ตอนนี้พ่อปลูกมันฝรั่งได้แล้วนะครับ
นั่นเป็นวิธีที่สุดที่ผมทำได้เท่าที่สภาพของผมขณะนี้จะอำนวย

รักครับ...ลูกชายพ่อ

==============================

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการทำงานอย่างฉลาดไม่ได้หมายถึงการทำงานหนักเสมอไป
จงใช้สติปัญญาให้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะสามารถทำได้
แล้วท่านอาจจะทำเรื่องที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริงขึ้นมาได้

8/08/2552

ติด Facebook

เดี๋ยวนี้ต้องเข้า Facebook ทุกๆวัน นั่งเล่นเกมตั้ง4-5เกม ตกปลา ปลูกผัก ฆ่าคน ...ฉันบ้าไปแล้ว
รู้สึกว่าติดมากเลยจริงๆ วันหนึ่งๆขอแค่ให้ได้เปิดสักครั้ง2ครั้งถึงจะนอนหลับ

สงสัย Facebook จะช่วยแก้เครียดได้เยอะ เลยติดกันมากมายอย่างนี้้

ยังไงเพื่อนๆลองเข้าไปเล่นเมไม่งั้นก้อลองทำควิสต่างๆ ทำให้หัวเราะได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนะ

8/04/2552

รักหนอ..รักแท้

ในเรื่องของความรัก ฉันปลงกับมันมานานพอสมควร น่าจะประมาณ 5 ปีได้แล้วมั้ง
รักๆ เลิกๆ สมหวัง ผิดหวัง ทรมานไม่เบาเลยทีเดียว

แต่สุดท้ายก้อทำให้คิดได้ว่าไม่มีใครรักเราได้มากมายและแท้จริงเหมือนดั่ง พ่อ แม่ ที่รักเราโดยไม่ต้องการให้รักกลับคืนด้วย รักด้วยความบริสุทธิ์ใจ แล้วทำไมล่ะ ทำไมเราต้องไปจมปลักเสียเวลานั่งร้องไห้ เสียใจให้กับคนๆหนึ่ง ที่ไม่เคยรักเราจริง แต่นี่ก้อไม่ได้หมายความว่าปิดกั้นตัวเองไม่เปิดใจให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆรอบๆตัวนะ แต่มันจะสอนให้เรารู้จกรักตัวเองและรักคนที่รักเรามากยิ่งขึ้น อีกอย่างจะได้ไม่เสียใจกระวนกระวายจนตายได้

7/27/2552

การโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

จากที่คุยโทรศัพท์กับแม่ มีคำพูดหนึ่งที่
เผลอพูดออกจากปากโดยไม่รู้ตัวว่า
หนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะแม่ รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี
และหลังจากที่วางหูโทรศัพท์ไปกลับมานั่งคิดตามลำพังว่าการเป็นผู้ใหญ่มันไม่ใช้เรื่องง่ายเลย



ผู้ใหญ่ เป็นคำที่ใช้เรียกมนุษย์ที่ดูแลตัวเองได้

ผู้ใหญ่ ต้องตื่น 6 โมงเช้า เพื่อไปทำงานให้ทัน 8 โมงเช้าทุกวัน

ผู้ใหญ่ ต้องทำอาหารเอง ซักผ้ารีดผ้าเอง ทำความสะอาดเอง

ผู้ใหญ่ ต้องมีรถ ต้องมีค่าน้ำมัน ต้องเอารถไปต่อทะเบียน ต่อประกัน ต้องดูเครื่อง เช็คเครื่อง และก็นำรถไปซ่อม

ผู้ใหญ่ ต้องมีบ้าน ซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ดาวน์บ้าน สร้างบ้าน ตรวจสอบมาตรฐานบ้าน ดูระบบน้ำ ระบบไฟ การฉาบ การปูกระเบื้อง ว่าเรียบร้อยตรงตามที่ตกลงหรือเปล่า

ผู้ใหญ่ ต้องทำงานกับคนอื่น ต้องเอาใจเจ้านาย ต้องซื้อใจลูกน้อง ต้องใช้เวลานอกเหนือจากเวลางานสังสรรค์กับคนในที่ทำงาน

ผู้ใหญ่ ต้องก้มหัวให้กับข้าราชการ ทหาร นักการเมือง และจะต้องกร่างกับคนที่อ่อนแอกว่า

ผู้ใหญ่ ต้องสร้างครอบครัว มีสามี/ภรรยา มีลูก มีภาระ และสุดท้ายก็จะต้องมีชู้ให้ได้

ผู้ใหญ่ เวลาเจ็บป่วย ก็ยังต้องไปทำงาน ผู้ใหญ่ที่ป่วยบ่อย ถือเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องในสังคมไทย

ผู้ใหญ่ ต้องรู้กฎหมาย ต้องป้องกันตัวเองจากคนไม่ดี และต้องใช้ช่องว่างเอาเปรียบคนไม่รู้กฎหมาย

ผู้ใหญ่ ต้องปั้นหน้าดีใจ เวลาคนอื่นได้ดี ต้องปั้นหน้าเสียใจ เวลาคนอื่นเสียใจ ต้องพูดคุยหัวเราะกันแบบไม่มีเหตุผล ต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุผล

ผู้ใหญ่ ต้องเห็นเด็กทุกคนในโลกนี้โง่ ผิด หาดีไม่ได้ และต้องตั้งกฎระเบียบขึ้นมา เพื่อควบคุมเด็กๆ ไม่ให้มีความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ไปกว่าตัวเอง ทุกสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่เคยเจอ ถือเป็นสิ่งผิดและเลวร้ายทั้งสิ้น



พอพูดอย่างนี้แล้ว ฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่แล้ว.....

7/25/2552

ชาวนา...สันหลังของชาติ




พอกลับบ้านที่ลำปาง รู้สึกสบายใจจัง อากาศก้อบริสุทธิ์
นอนแล้วก้อนอนมั้งวันเลย ช่วงสอบกลางภาคมันช่างเป็นวันหยุดทีได้พักผ่อนเต็มที่จริงๆ
ฉันเลยถือเปล และหมอน 1 ใบ เดินไปด้านหลังบ้านแล้วออกประตูไปบ้านน้า เพราะว่าบ้านนาเป็นบ้านที่ติดกับทุ่งนาแล้วมีต้นไม้ต้นใหญ่ร่มรื่นอากาศก้อเย็น นอนหลับได้สบายเลยทีเดียว พอผูกเชือกเปลนอนหันหน้าออกไปทางทุ่งนา ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่ชาวนาต้องมาปลูกข้าวกัน ผู้คนเต็มท้องนาก้อนาปลูกข้าวกันอย่างมุ่งมั่น บางกลุ่มก็คุยกันเสียงดังด้วยอารมขันแล้วดูท่าทางมีความสุขมาก ฉันนอนมองด้วยอารมที่เพลิดเพลิน แล้วก็มีเสียงตระโกดนดังมาว่า..น่าจะเอาโคลนโยนไปโดนคนที่นอนในเปลนะเนี่ย ...สบายจัง ฉันหัวเราะออกมา แล้วก้อบอกว่านานๆที แล้วก้อนอนมองดูชาวนาทำนาต่อไปอีก รู้สึกว่า การเป็นชาวนามันน่าจะแสนเหน็ดเหนื่อยสิ้นดีเลย และมันเป็นเรื่องจริงที่เราทุกคนต้องขอบคุณสันหลังของชาติที่ทำให้พวกเรามีข้าวกินอยู่ทุกวันนี้ ....ขอบคุณมากมายจริงๆค่ะ สำหรับชาวนาทุกๆคน หลังจากที่นั่งดูการทำนาแล้วรู้สึกว่ามันร้อนมากแล้วน่าจะปวดหลังเอามากเลยที่ต้องก้มหน้าลงดินตลอด .....สงสารแทน

7/23/2552

รถม้า..ลำปาง




วันนี้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนแถวบ้านที่ลำปาง นั่งรถไปกินส้มตำ อยู่ๆก้อไปเจอรถม้าคันหนึ่ง ซึ่งม้ามันกำลังดื้อแบบว่าไม่ยอมเชื่อฟังเจ้าของ สงสัยม้ามันคงหงุดหงิดแหละ ใช้งานมันหนักเกินไปจนม้าอารมหงุดหงิดได้เลยดื้อกับเจ้าของม้า พูดถึงรถม้าแล้ว ทั้งๆที่ฉันเป็นคนลำปางตั้งแต่เกิดนั้น ฉันจำได้ว่าเคยนั่งรถม้าแค่ครั้งเดียวเองแล้วที่สำคัญตอนที่นั่ง น่าจะอายุประมาณ 9ขวบ ยังเด็กอยู่เลย ช่วงนั้นนั่งราคาประมาณ 300-400บาทต่อคัน แต่ปัจจุบันฉันแอบไปสืบราคามาประมาณ 700 ขึ้นอ่ะทำไมมันแพงจังทั้งๆที่ก้อไม่ได้นั่งไปไหนไกลมากแค่ตัวเมืองลำปางเอง แล้วได้ข่าวว่าเมืองลำปางก็แคบมากเลยนะ แต่ก้อเห็นนักท่องเที่ยวนั่งรถม้ากันเยอะนะ สงสัยอาจะเป็นเพราะว่าเมืองลำปางเป็นเมืองเดียวในประเทศไทยที่มีรถม้าบริการนักท่องเที่ยว มันเลยดูแปลก กลายเป็นจุดขายของเมืองเลย ....ถึงแม้ว่านานมากแล้วที่ฉันได้นั่งรถม้าแต่ฉันคงไม่คิดอยากนั่งมันอีก ไม่ใช่ไรมากมายหรอก อาจจะเป็นเพราะว่าสงสารม้า และฉันก้อเห็นม้าหงุดหงิดบ่อยๆ เลยรู้สึกแย่


แต่ถ้าเพื่อนๆได้ไปเที่ยวที่ลำปาง ก็ขอแนะนำให้นั่งรถม้าเที่ยวดูเมืองลำปางนะเพราะเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเขรางค์นครลำปางอาจจะเข้ากับบรยากาศและดูเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี ที่สำคัญก้ออย่าลืมไปเดิน กาดกองต้า (ตลาดคนเดินของลำปาง)

7/22/2552

ภาพประกอบหนังสือนิทานเด็ก















วันหนึ่งนั่งดูภาพประกอบของหนังสือนิทานเด็กของต่างประเทศ
รู้สึกว่าชอบมากเลยเอามาให้เพื่อนๆได้ดูกัน

7/11/2552

ค่าของชีวิต...คน

บางคนกล่าวว่าชีวิตเป็นสิ่งมีค่าสูงยิ่ง
บางคนยื้อชีวิตเอาไว้แม้จะต้องทนกับความทุกข์ทรมาน
บางคนเชื่อว่าชีวิตมีค่ามากไม่ว่าจะแลกกับอะไรก็ไม่คุ้ม
แต่สุดท้ายแล้วชีวิตคนไทย ก็ไม่ต่างจากชีวิตหมาตัวหนึ่งชีวิตคนที่มีค่า
ในสังคมไทยนี้ คือชีวิตของคนรวย ชีวิตของคนมีอำนาจ ชีวิตของคนมีอิทธิพล
ชาวบ้านทั่วไปสามารถถูกฆ่าข่มขืนได้โดยผู้กระทำผิดถูกตามจับได้น้อยมากชาวบ้านทั่วไปสามารถถูกขับรถชนเสียชีวิตโดยเจตนาได้ โดยไม่ต้องไปสอบปากคำชาวบ้านทั่วไปสามารถถูกอุ้มไปเผานั่งยางได้
โดยจับมือใครดมไม่ได้
ในขณะที่ชนชั้นสูงมีความผิด กลับมีตำรวจ ทหาร นักการเมือง คอยช่วยเหลือไม่ให้มีความผิดอยู่เสมอๆ

7/05/2552

แท็กซี่ จะพาตาย




ฉันออกไปเดินตลาดนัทที่ธรรมศาสตร์ตอนเย็นกับเพื่อนๆ
เดินไปมาจนเพลิน อยู่ๆ ก็ปวดขา2ขา
เลยนั่งพักเพื่อรอเพื่อนเดินเสร็จจนเบื่อ แล้วก็เรียกแท็กซี่เพื่อกลับห้องที่ม.กรุงเทพ
พอนั่งรถออกมาแท็กซี่ขับรถกลับออกอีกเส้นทางหนึ่งที่ต้องไปกลับรถแถวนวนคร
ฉันก็เลยบอกว่าพี่ช่วยกลับรถออกไปอีกเส้นหนึ่งเพราะมันใกล้กว่ากันเยอะ
คนขับแท็กซี่บอกพูดออกมาว่ามาเส้นนี้แหละ
เส้นนั้นรถมันติดืืฉันแอบนั่งคิดในใจไม่กล้าเถียงกลัวคนขับเพราะหน้าโหดมาก

จะบ้าหรอ!!

ฉันมาก็บ่อยนะ รถไม่เห็นจะติดเลยใกล้กว่าด้วย ฉันก็เลยไม่พอใจเพราะปกติไม่ชอบที่คนขับแท็กซี่ไม่ตามใจลูกค้า จริงๆมันก็เป็นสิทธิของเรา เค้าไม่มีสิทธิเถียง


เพราะเค้าทำอาชีพบริการจะมาทำเหมือนว่าเห็นลูกค้าโง่ไม่รู้ทางไม่ได้ ฉันเลยนั่งหงุดหงิดตลอดทาง
แต่พอนั่งมาเรื่อยๆกลับรู้สึกว่าทำไมนั่งไม่สบายรู้สึกจะอ้วกๆ
คนขับคนนี้เหมือนยังขับไม่เก่ง ทันใดนั้นเค้าขับแซงรถสิบล้อ แต่ว่าสิบล้อเบียดไม่ให้แซง เค้าเลยหักหลบไปอีกทาง ฉันกับเพื่อนนั่งตกใจมาก พูดไรไม่ออก ทำไรไม่ถูก สุดท้ายก็ถึงห้องสักที


พอลงจากรถฉันรู้สึกโล่งใจ หายกลัวขึ้นมาทันที เกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้กับแท็กซี่คันนั้นแล้ว เฮ้อ...

7/01/2552

U- Tip มันน่าสนใจจริงๆนะ


U-tip Freshy Idol 2009


วันนี้น้องชวนไปเดินสยามเพราะว่าน้องต้องทำงานส่งของคณะนิเทศศาสตร์
คือ ต้องไปถ่ายรูปและเข้าร่วมงานแถลงข่าว U-tip Freshy Idol 2009
ฉันก็เลยต้องไปเป็นเพื่อนกับไน๊และรับปากว่าจะไปถ่ายรูปบรรยากาศในงานให้
พอถึงงานเราก็เลือกที่นั่งด้านข้างติดขอบเวที

สักพักก็เริ่มเปิดงาน
โอ้โห้!! มันเยี่ยมมาก เมื่อมีพิธีกรหน้าสวยชื่อ เจินๆ ออกมากล่าวเชิญเปิดงาน ถัดจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเพลงดังขึ้น แล้วเต้ยกับมาย U-tip Freshy Idol 2007-2009 ร้องเพลงบอกกับเล่น MV ของ U-Tip ด้วยพร้อมกับคุณรัฐ โอสานุเคราะห์ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับคุณเพรช โอสานุเคราะห์มาก แต่ที่สำคัญและจุดเด่นของงานนี้คือ น้องเต้ย กับน้องมาย ทั้ง2คนน่ารักมากๆๆ จนฉันกับไน๊นั่งมองอย่างอึ้งๆ ไม่ยอมทำไรนอกจากดูเต้ยกับมาย จนน้องต้องไปถ่ายรูปงานเอง ของอย่างไม่งี้ไม่เข้าใครออกใครเนอะ ^^

จนจบงาน สรุปฉันก็ได้ถ่ายรูปคู่กับมายและเจินๆ แต่ไม่ได้ถ่ายกับเต้ย เพราะว่าเธอคิวนักข่าวสัมภาษณ์เยอะมาก อดไป วันหลังเลยบอกน้องถ้ามีงานแบบนี้ ใหห้มาชวนอีกนะ ชอบๆๆๆๆๆๆๆ

6/26/2552

สรรพคุณของยาสีฟัน..ไม่น่าเชื่อ

สรรพคุณของยาสีฟัน..ไม่น่าเชื่อ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย

ยาสีฟัน เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ที่หาได้ง่าย และมีแทบจะทุกบ้าน สะกิด มีประโยชน์ของยาสีฟัน มาฝาก

  • ทำความสะอาด คราบและรอยขีดข่วน บนพื้นผิววัสดุ ขัดหน้าปัดนาฬิกา แตะกับเศษผ้าสักหลาดแล้วขัดเบาๆ
  • ช้อน ส้อม สเตนเลส ขัดถูด้วยผ้านุ่ม
  • รอยขีดข่วนบนกระจกปูโต๊ะ ป้ายที่รอยแล้วใช้ผ้านุ่มขัดเบาๆ
  • รอยสกปรกบนโต๊ะพลาสติก
  • เครื่องประดับเงินแท้ แตะสำลีหรือผ้านุ่มๆ ขัดถู
  • หัวก็อกน้ำ ใช้เศษยาสีฟันที่ร่วงขณะแปรงฟันขัดถูหัวก็อก จะเงาเป็นประกาย
  • บรรเทาอาการแสบร้อน
  • คราบลิปสติกที่ติดเสื้อ ใช้ยาสีฟันทารอยเปื้อนแล้วซักตามปกติ
  • กลิ่นแรงที่ติดมือหลังทำครัว อย่างกลิ่นกระเทียม หอม แตะยาสีฟันเล็กน้อยแล้วล้างมือกับสบู่ กลิ่นจะหายไป

6/25/2552

เป้าขาด...พาทัวร์ทั้งวัน

ฉันมีกางเกงสีเทาอยู่ตัวหนึ่ง กางเกงตัวนี้ขาเดฟมา เวลานั่งแทบจะลุกไม่ไหว
แต่ต้องอดทน เพราะมันทันสมัย ฮ่าๆ

อยู่ๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ....
เมื่อฉันก้มลงไปเก็บของที่หล่นลงพื้น ทันใดนั้น ก็มีเสียงดีงขึ้น
แคร็กกกกกกกก !!! ฉันรีบเอามือจับตรงเป้า เป็นรอยฉีกยากประมาณเกือบ 2 นิ้วได้ ฉันรีบหันมองดูรอบๆว่ามีคนเห็นรึเป่า โชคยังดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ฉันรีบเดินไปเข้าเรียน ทั้งวันไม่กล้าลุกเดินไปไหนเลย

พอเลิกเรียนคิดว่าต้องหาอะไรมาปิดบังตอนเดิน แล้วจะรีบกลับห้องไปเปลี่ยนกางเกง
แต่เพื่อนช่างดีเหลือเกิน รีบดึงฉันขึ้นรถให้ไปดูหนังเป็นเพื่อนที่เซนทรัล เวิร์ล ฉันต้องไปแบบไม่เต็มใจ

แถมทั้งวันฉันต้องคอยระวังเป้าตัวเองโผล่ แล้วต้องคอยเดินขาหุบๆ
หาอะไรมาปิดกลัวคนจะเห็น รู้เลยว่าเป้าแตกมันทรมานเหลือเกิน.......

6/20/2552

คุนเคยรึป่าว!!! รึว่า .....คนเดียวที่เป็น


มีหลายต่อหลายครั้งเหมือนฉันจะเป็นโรคประจำตัวไปซะแล้วล่ะมั้ง... เวลาที่ฉันไปเดินห้างสรรพสินค้าเมื่อไหร่เจอกับอากาศเย็นๆ สงสัยอุณหภูมิในร่างกายมันจะร้อนมากไปหน่อย เดินไปมาๆ ก็เกิดอาการจุกเน้นตรงท้อง แล้วทันได้นั้นร่างกายก็เกิดการผิดปกติขึ้นมา รวบรวมแรงพลังทั้งหมดขับอากาศน้อยๆออกมาเป็น ตด!!! ดัง ปู๊ด ๆๆ ตามจังหวะ
ดีใจที่ภายในห้างนั้นเสียงมันดังเลยกลบเสียงตดฉันนั้นเอาไว้ได้
ในเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่2, 3, 4 ไปเรื่อยๆ จนความอายแทบจะไม่หลงเหลือ ยิ่งก้าวเดินเท่าไหร่ ก็ยิ่งตดออกมามากเท่านั้น เฮ้อ..ตกลงเรายังเป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย...(คอยถามตัวเองอยู่บ่อยๆ)
ฉันต้องทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนได้ไปเดินกับเพื่อนที่สนิทคนหนึ่ง ฉันก็เดินตด เป็นเรื่องปกติที่เคยทำ แล้วอยู่ๆ ก็มีคำถามเพื่อนออกมาว่า ตั๊ก ....แกตดรึเปล่า?
ทำไมรู้สึกเหม็นๆจัง ฉันก็แอบอายนิดหน่อยแล้วก็บอกว่า อืม .... ฉันตดเอง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตดเหม็น แต่มันเหม็นมาก จริงๆ ^^"

พอพูดถึงเรื่องตด!! แล้ว ฉันพอจะมีเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่ชอบมีอาการตด!!

เทอคนนั้น ชื่อว่า แสนคม
ฉันว่าฉันแปลกที่ชอบตดในห้างสรรพสินค้าในเวลาที่เจออากาศเย็นๆ แต่ แสนคม แปลกยิ่งกว่า ไม่รู้ว่าวันๆแสนคมกินอะไรเข้าไป อยากจะพาไปให้หมอตรวจดูสักครั้ง จะได้รู้กันไปว่าเธอเป็นโรคร้ายรึเปล่า..
วันๆหนึ่ง ถ้าเอามาเฉลี่ยดูแล้ว แสนคมคงตด!! ได้ประมาณ 10 นาทีต่อครั้ง
แล้วเธอคนนี้ตด!! แบบไม่เกรงใจใครด้วย ไม่ต้องถามเลยว่าจะอายไหม...ไม่มีหรอก
เธอตดดังมากกกกกกก ตดครั้งหนึ่งเล่นเอาทุกคนอึ้ง เธอไม่ได้ตดออกมาแค่ปู๊ดเดียวนะ แต่เธอตดออกมาเป็นขบวนที่ยาวมาก นับแทบไม่ทันเลยแหละ ฉันเคยเจอครั้งหนึ่งนอนหลับกัน อยู่ดีๆ แสนคมตด!! ทั้งๆที่เธอยังนอนหลับ ฉันอึ้งๆ แล้วก็ขำอยู่คนเดียว หลายๆคนที่แอบชอบเธอคนนี้ โปรดระวัง!!ให้ดี คุณจะได้ดมกลิ่นตด!! เธอแน่นอน

" โอ้!! พระเจ้าจอร์ช เทอยอดมาก "

6/14/2552

ความจริง หรือ หลอกลวง

คงเป็นฤกษ์ดีแล้วสินะ

กับการเขียนบล็อกหลังจากการนับ 1 2 3....Go!!! อยู่หลายครั้ง

เอะ!! แต่ไหนๆ แล้วฉันก็ตั้งใจแล้ว เย้ๆๆๆ

หลากหลายเรื่องราวที่ผ่านมาในแต่ละวันที่ถูกบันทึกลงในสมุดเล่มเล็กๆที่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าฉันได้แอบบันทึกเรื่องราวที่ฉูดฉาด
แต่เด๋วก่อน!!! ฉันเป็นใครกันนะ...หลายๆคนอาจะไม่รู้ ฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ได้โด่งดัง หรือ ใครๆจะจำเป็นต้องรู้จัก และสำหรับคนที่รู้จักแล้ว คงมีหลากหลายคนที่ต้องการย้อนเวลากลับไป เพื่อไม่อยากได้มาเจอะเจอแล้วรู้จักฉันเลยก็อาจเป็นได้ ฮ่าๆๆ เรื่องจริง!!

ฉันชื่อ หนึ่งฤทัย ทิพย์ปวง ชื่อเล่น ตั๊ก แต่ชอบมีหลายๆคนชอบที่จะตั้งชื่อให้ว่า เตี้ย ,อีเตี้ย ,ไอ้เตี้ย สรุปแล้วง่ายๆก็คือ ฉันเตี้ย แต่ก็ยอมรับ บ่อยๆที่ฉันอยากสูงบ้าง ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าฉันสูงแล้วเพื่อนๆจะเรียกฉันว่า สูง ,อีสูง ,ไอ้สูง อีกรึป่าว? แต่นั้นคือความฝัน จะให้ฉันสูงได้ไง ครอบครัวฉันเตี้ยทั้งบ้าน จะบ้าหรอ... ถามดีกว่าว่าคนในครอบครัวมีใครสูงถึง 170 มั้ง ไม่มีหรอก พ่อ แม่ พี่ชาย2คน และ หมา1ตัวที่เวลายืน2ขาแล้วยังสูงกว่าฉันอีก ฮ่าๆ เศร้าจัง... แต่ฉันชินแล้วล่ะ ไม่นะ... เรียกว่ายอมรับความจริงดีกว่า
ฉันชอบอิสระเพราะว่าพ่อกับแม่เลี้ยงฉันเหมือนลูกผู้ชายตั้งแต่เด็ก และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันเป็น ทอม อยู่ทุกวันนี้
ถามว่า เบื่อไหม..เบื่อ ถามว่า เลิกไหม...ไม่เลิก

ก็สุขใจกับการเป็นแบบนี้อ่ะ เฮ้อ..สงสัยเล่าทั้งวันก็ไม่จบ เอาสรุป ดีกว่า ฉันรักสนุก รักเพื่อน
(รักหญิง) ^^" ร่าเริง แจ่มใส พูดมาก กวนประสาท น่ารำคาญ ขี้น้อยใจ ไม่ชอบที่จะอยู่นิ่งๆ เบื่อง่าย รักทุกคน...เราทั่วถึง จบ.

น่าจะรู้จักฉันพอประมาณล่ะ น่าคบ!! ใช่ป่ะล่ะ ....ฮ่าๆๆๆ กัดฟันพูดเหอะ

แต่ก็มีคำพูดที่อยากพูดสำหรับเพื่อนหรือว่าใครก็ตามที่รู้จัก

"ขอบคุณทุกๆคนที่ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจที่จะรู้จักฉันก็ตาม ขอบคุณที่หลายๆอย่างทำให้เรามาพบและรู้จักกัน ไม่เคยเสียดายเวลาและเสียใจที่ชีวิตนี้ได้เกิดมาพบเจอ อาจมีเรื่องราวบางอย่างทำให้บางคนไม่พอใจ และเคือง ฉันก็ขอโทษด้วย!! แต่ฉันจริงใจกับมิตรภาพของเรา ขอบคุณจริงที่ในชีวิตนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง"


6/10/2552

ชีวิตหนอชีวิต

เค้าว่ากันว่า...

ถ้าเรานึกถึงเรื่องดีๆ ในชีวิต

มองให้เห็นอีกด้านของความเศร้า

เราจะรู้ว่า... ชีวิตนี้ยังมีอะไรดีๆ อีกเยอะที่ต้องทำ

เกิดมาเป็นคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

เราควรที่รักษาและใช้ชีวิตให้คุ้มค่าให้มากที่สุด

อย่าท้อ...จง สู้เพื่อหาประสบการณ์ให้กับชีวิต

แล้วคุณจะรู้ว่า...ความสุขของการใช้ชีวิตมันอยู่ตรงไหน